วันพุธที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

กีฬาของสุภาพบุรุษ





เชื่อหรือไม่ว่า
การเรียนกอล์ฟด้วยตนเอง
ง่าย และ ถูกต้อง
ยิ่งกว่าให้ใครๆสอน

เมื่ออ่านบทความนี้จบ
ก็จะพบว่า มีเหตุผล
และยิ่ง ลองทำตาม ก็ยิ่งพบว่า 
เป็นความจริง

ผู้เขียนบทความเอง
ก็เรียนและหัดกอล์ฟ
ด้วยตนเอง

จนค้นพบ วิธีการที่ได้ผลสำหรับการ
หัดเล่นกอล์ฟที่สมบูรณ์
ด้วยตนเอง

...............................................................................


เมื่อปี พ.ศ. 2534 ซึ่งเป็น ปีแรกที่ผมเริ่มหัดเล่นกอล์ฟ ตอนนั้น ผมเองก็มีความคิดเหมือนบุคคลทั่วไป ก็คือ จะเรียนรู้ก็ต้องมีครู แต่ก็ลืมคิดไปอย่างหนึ่งว่า อันคำว่าครูนั้น ไม่จำเป้นต้องเป็นผู้อื่น หรือแม้แต่ บุคคล เพราะ อะไรก็ตามที่ทำให้เรามีความรู้ในเรื่องที่กำลังสนใจ ก็นับได้ว่าเป็นครูเราได้ทั้งสิ้น แต่ตอนนั้นยังไม่เข้าใจ

จึงออกไปที่สนามซ้อมแห่งหนึ่ง ก็พบว่า กำลังมี นักกอล์ฟท่านหนึ่ง กำลังสอนนักกอล์ฟหัดใหม่อีกท่านหนึ่งอยู่ จากที่เห็น ผู้ที่สอน เป็น นักกอล์ฟอาชีพ ที่มีความสามารถสูงมาก โดยผมสังเกตุจากที่ได้เห็นท่าน ตีลูกกอล์ฟออกไปแต่ละครั้ง ลูกกอล์ฟลอยออกไปได้อย่างสวยงาม

แต่สิ่งที่ได้เห็นในเวลาเดียวกันก็คือ นักกอล์ฟหัดใหม่ไม่สามารถทำตามได้ แม้เวลาของการสอนจะผ่านไปนานถึง 2 ชั่วโมง นักเรียนท่านนั้นก็ยังคงทำไม่ได้ ตอนนั้น ผมคิดแต่เพียงว่า การเรียนกอล์ฟ คงจะยากมาก

ต่อมาวันรุ่งขึ้น ก็กลับไปที่สนามซ้อมนั้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ ผมพบว่า นักเรียนกอล์ฟคนเดิม กำลังฝึกซ้อมอยู่คนเดียว ครู ยังไม่มา
แต่สิ่งที่จุดประกายความคิดในเรื่อง เรียนรู้เอง ก้ได้ปรากฏขึ้น เพราะเห็นได้ในตอนนั้นเองว่า หลังจากที่ นักเรียนกอล์ฟท่านนั้น พยายามทำคนเดียวโดยที่ไม่มีใครสอน กลับสามารถทำได้ด้วยตนเองในที่สุด ก่อนที่ครูคนเดิมจะมาถึง ซึ่งก็แสดงว่า สิ่งที่ ทำให้เขา สามารถทำได้ในวันนี้ ก็คือ คำพูดต่างๆ ที่จดจำได้จากที่ครูสอนเมื่อวันก่อน เท่ากับว่า ถ้าคำพูดเหล่านั้น ไม่ว่าเขาจะได้ยินมาจากใคร หรือ จดจำมาจากการอ่านตำราที่ดี ก็เป็นการเพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีใครมาคอยยืนกำกับ ควบคุม 

และ อีกสิ่งหนึ่งที่ผมสังเกตุเห็นและ นับว่าเป็นเรื่องสำคัญที่สุดก็คือ ลักษณะการตีลูกออกไป ท่าทางที่ใช้เคลื่อนไหว แตกต่างจากของครูโดยสิ้นเชิง ซึ่งเมื่อวิเคราะห์ดูแล้ว จึงสรุปได้ว่า ที่แตกต่างกัน ก็เพราะ ครู เป็น นักกอล์ฟสูงใหญ่ เป็นนักกีฬาเต็มตัว แต่ นักเรียนท่านนั้น มีรูปร่างที่ บอบบางกว่า ความแข็งแรงก็น้อยกว่า แต่ก็สามารถปรับการเคลื่อนไหวของตนเองให้ มีวิธ๊การติ ของตนเองขึ้นมาได้

ตรงนี้เอง ที่ทำให้ผมบอกตัวเองว่า การที่นักเรียนท่านนั้นทำได้ เป็นเพราะ คำสอนของครู คงจะก้องอยู่ในหู แล้ว พยายามทำตาม จึงทำได้ในที่สุด โดยที่ไม่ต้องมีครูมาคอยยืนอยู่ใกล้ๆ ซึ่งก็กลับเป็นผลดีกว่า ในแง่ที่ว่า การที่จะฝึกซ้อมให้ได้ผล ต้องการสมาธิ การพยายามทำในสิ่งที่ตนคิดว่า ตนทำได้ และ ต้องไม่ถูกบังคับให้ ต้องทำตามใคร ซึ่งแตกต่างจากวันแรกที่ ครูของเขา มุ่งมั่นพยายามที่จะให้นักเรียนของเขา ทำให้ได้เหมือนเขาทุกประการ ทั้งๆ ที่ ร่างกายแตกต่างกันอย่างยิ่ง

แสดงว่า การเรียนกอล์ฟนั้น ต้องการเพียง ความรู้ ไม่ใช่ผู้สอน ซึ่งความรู้ที่ว่านี้ สามารถหาได้โดยทั่วไป ทั้ง จากตำราที่มีวางขาย หรือ ในปัจจุบัน ยิ่งมากมายไปด้วย ฐานความรู้ใน อินเทอเนท

เพียงแต่เราจะต้อง หาที่เหมาะสมกับตัวเราให้ได้ ก็พอ

ซึ่ง นับแต่น้้น ผมก็เลิกสนใจที่จะหาใครมาสอนอีก ได้แต่ ค้นหา ตำราที่เหมาะสมกับตัวผม ซึ่งหมายถึง โครงสร้าง-ร่างกาย ของผม ซึ่งสิ่งที่ผมใช้เป้นหลักเกณฑ์ก็คือ ตำราที่เขียนโดยนักกอล์ฟที่มีรูปร่าง ใกล้เคียงกับผม ให้มากที่สุด ในที่สุด ก็พบว่า นิค ฟอลโด้ เป็นนักกอล์ฟที่มีรูปร่างใกล้เคียงกับผมมากที่สุด ผมจึงใช้ ตำราของ นิค ฟอลโด้ เป็นแบบอย่างในการหัดเล่น 

จนในที่สุดก็สามารถเล่นได้ ในเวลาเพียง 15 วัน ถึงจะเป็นเพียง พอเล่นได้ คะแนนไม่ดีนัก แต่ก็สามารถสนุกกับเกมส์ได้ และ เมื่อเวลาผ่านไป นานถึง 2 ปี จึงสะสมความรู้มากพอที่จะ คิดเขียนตำราว่าด้วยการเรียนกอล์ฟด้วยตนเอง ที่ได้ผลเร็วอย่างคาดไม่ถึง อันนำไปสู่ การทำธุรกิจ โรงเรียนสอนกอล์ฟที่ใช้ เทคนิค การเรียนรู้ด้วยตนเองของ นักเรียน ซึ่งได้ผลเป็นที่น่าพอใจ เพราะ นักเรียนทุกคนสามารถ เรียนรู้ ฝึกซ้อม และ ออกเดินเล่นในสนามกอล์ฟ ได้ ในเวลาอันสั้น เช่น คนที่ ออกเล่นกอล์ฟได้เร็วที่สุด หลังจากเรียนเพียง 7 วัน และ นานที่สุด คือ 25 วัน ซึ่งเป็นการเล่นที่ ถูกต้อง สนุกสนาน


...............................................................................

กีฬาของสุภาพบุรุษ-สตรี

คำกล่าวนี้ มีสาเหตุมาจาก

กฏระเบียบข้อบังคับเรื่องการ แต่งกาย กิริยา มารยาท ที่แสดงออกตอนที่อยู่ในสนามกอล์ฟ นั่นเอง ซึ่งเป็นเสมือนกฏเหล็ก ที่มีบังคับใช้มานานกว่า ร้อยปี นับตั้งแต่มีการ เล่นกอล์ฟอย่างเป็นทางการครั้งแรก

ซึ่งจนถึงปัจจุบันนี้ สนามกอล์ฟทั่วโลก ก็ยังคงรักษากฏเหล็กนี้ไว้ ซึ่งพอจะ สรุปคร่าวๆ ได้ดังนี้

เรื่องการแต่งกาย นักกอล์ฟทุกคนจะต้อง แด่งกายเข้าสนามกอล์ฟด้วยชุดที่ดูสุภาพ แม้ว่าในชีวิตจริงของแต่ละคนจะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่เมื่อเข้าสนามกอล์ฟแล้ว
ชาย-หญิง ต้อง สวมเสื้อที่มี แขน และ ปก  กางเกง จะเป็น ขาสั้นหรือ ยาว ก็ได้ เนื้อผ้าจะเป้นอะไรก็ได้ ยกเว้น ยีนส์ ห้ามเข้าสนามกอล์ฟ เพราะ สนามกอล์ฟถึอว่า การสวมใส่ยีนส์ ถือว่าไม่สุภาพ ต้องสวมถุงเท้า และ รองเท้ากอล์ฟเท่านั้น ห้ามใส่รองเท้าที่มี ส้นเป็นสันสำหรับผู้ชาย และ ห้ามใส่รองเท้าส้นสูง สำหรับผู้หญิง ลงเดินในสนามกอล์ฟเด็ดขาด

เรื่องของกิริยา นักกอล์ฟต้อง พูดคุยกันด้วย ภาษาที่สุภาพ อ่อนโยน และไม่ส่งเสียงที่ดังจนเป็นที่ รำคาญต่อผู้ที่อยู่ใกล้ หรือ ใช้ กิริยาที่ไม่เหมาะสม เช่น หยอกล้อกันด้วย เท้า หรือ ตบ ตี กันใน สนามและสโมสรนักกอล์ฟ ที่จะอยู่ ด้านหน้าของ สนามกอล์ฟ ซึ่งเป็นที่ที่ นักกอล์ฟจะนัดพบ เปลี่ยนเครื่องแต่งตัว หรือ รับประทานอาหารก่อนการออกรอบเล่นกัน หรือที่เรียกกันว่า คลับเฮาส์

เรื่องของมารยาท ซึ่งนับเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด และ เป็นส่วนหนึ่งของ กฏ-กติกา ในการเล่นด้วย กล่าวคือ นักกอล์ฟ ต้องมีมารยาทในการ ลำดับการเล่นที่ถูกต้อง เหมาะสม เช่น นักกอล์ฟอาชีพ จะได้เล่นก่อน นักกอล์ฟสมัครเล่น และ นักกอล์ฟสมัครเล่นชาย ก็จะได้เล่นก่อน นักกอล์ฟสมัครเล่นหญิง ในการเริ่มเล่นครั้งแรก ซึ่งก็คือการ ตีลูกครั้งแรกของแต่ละหลุม หรือ ที่เรียกกันว่า ที-อ๊อฟ และ ในระหว่าง นักกอล์ฟอาชีพ และ นักกอล์ฟสมัครเล่น ด้วยกัน ลำดับของการเล่น ก็จะยึดถือจาก คะแนนที่ แต่ละคนทำได้ ในหลุมก่อนหน้านั้น โดยผู้ที่ได้คะแนนดีกว๋า จะได้เป็นผู้เริ่มเล่นก่อน และ อื่นๆ อีกมาก ซึ่งผมจะกล่าวถึง โดยละเอียดตอนที่พูดถึง กฏ-กติกา-มารยาท ของนักกอล์ฟ


...............................................................................

ลักษณะสำคัญของ กีฬากอล์ฟ

กีฬากอล์ฟ แตกต่างจากกีฬาชนิดอื่นอยู่ สองอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือ
1. กีฬาทั่วๆไป ผู้เล่น จะพัฒนาการเล่น ให้ดีขึ้น เก่งขึ้น โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะให้ เก่งกว่า ผู้อื่น แต่สำหรับกีฬากอล์ฟ นักกอล์ฟทุกคน ต่างก็ต้องการ พัฒนาการเล่น ให้ ดีขึ้น เก่งขึ้น กว่าที่เคยเป็นเท่านั้น โดยไม่ต้องใส่ใจว่า จะต้อง เก่งกว่าใคร เพราะ คะแนนที่ทำได้ในการเล่นหรือการแข่งแต่ละครั้ง จะใช้เปรียบเทียบกับคะแนนที่เคยทำได้ดีที่สุดในครั้งก่อนๆ เท่านั้นเอง โดยไม่จำเป็นต้องดีกว่า ผู้ที่กำลังเล่นด้วย หรือ แข่งด้วย แต่ในขณะเดียวกัน คะแนนของตนเอง ที่ดีขึ้น ก็อาจทำให้ เป็น ผู้ชนะการแข่งขันในครั้งนั้น ทั้งๆ ที่คะแนนของตน ไม่ดีไปกว่า ของคู่แข่ง ซึ่งเรื่องนี้ จะอธิบายให้ละเอียดอีกครั้งตอนที่พูดถึง เรื่องของการคิดคะแนน และ การตัดสินแพ้ชนะ

2. กีฬาทั่วๆไป ผู้ชนะ จะคิดจากการทำคะแนนได้ มากที่สุดเป็นผู้ชนะ ในขณะที่ กีฬากอล์ฟ จะคิดคะแนนจากผู้ที่ทำคะแนนได้น้อยที่สุด เป็นผู้ชนะ

สำหรับความกระจ่างในเรื่องนี้ เราคงต้องเริ่มต้นกันที่ ลักษณะการคิดคะแนน ในการเล่นของนักกอล์ฟ

กีฬาทั่วๆไป ส่วนใหญ่ คะแนนที่ ผู้เล่นได้รับแต่ละคะแนน ได้มาจากชัยชนะที่มีต่อคู่ต่อสู้ เช่น กีฬาเทนนีส แต่ คะแนนที่นักกอล์ฟทำได้ จะมาจาก ความสามารถของตนเอง เช่นเดียวกับการ ยิงธนู ยิงปืน แต่ก็ยังแตกต่างจาก กีฬาทั้งสองตรงที่ คะแนนของผู้ชนะ เป็นคะแนนที่น้อยที่สุด ไม่ใช่มากที่สุด

ที่เป็นเช่นนั้น ก็เพราะ กีฬากอล์ฟ แช่งขัน หาผู้ที่ผิดพลาดในการเล่น น้อยที่สุด เป็นผู้ชนะเกมส์ ดังนั้น ผู้ที่ได้คะแนนต่ำที่สุด จึงเป็นผู้ชนะ มิใช่ผู้ที่ คะแนนสูงที่สุด

นั่นเป็นเพราะว่า ในการเล่นกอล์ฟ คะแนนของนักกอล์ฟมาจาก การตีลูกกอล์ฟในแต่ละครั้ง ไม่ว่า เป็นการ ตีแรง ตีเบา หรือ ปัดให้ลูกกลิ้งไปก็ตาม จะถึอว่า ถ้าไม้กอล์ฟสัมผัสลูกหนึ่งครั้งนับเป็นหนึ่งคะแนน และ จะนับไปทุกครั้ง จนกว่าการเล่นจะสิ้นสุดลง แล้วจึงใช้คะแนนทั้งหมดมาเป็นเครื่องตัดสินให้ ผู้ที่มีคะแนนน้อยที่สุดเป็นผู้ชนะ

สนามกอล์ฟ แต่ละสนามโดยมาตรฐานแล้ว จะมีทั้งหมด 18 หลุม โดแต่ละหลุมจะมีคะแนน 5 คะแนน จำนวน 6 หลุม 4 คะแนน จำนวน 6 หลุม และ 3 คำแนน จำนวน 6 หลุม รวม 18 หลุมทำให้ คะแนนรวมของสนาม เท่ากับ 72 คะแนน

ถึงแม้ว่า ปัจจุบัน บางสนาม จะมีเพียง 9 หลุม และ บางสนาม อาจมีถึง 27 หลุม ก็ตาม แต่ก็จะถึอว่า ในการแข่งขัน จะใช้เพียง 18 หลุม 72 คะแนนเท่านั้น สำหรับการแข่งขันในแต่ละวัน

การแข่งขันปกติ จะใช้เวลา 4 วัน รวมทั้งหมด 288 คะแนน ผู้ที่ทำคะแนนได้ น้อยที่สุด เป็นผู้ชนะ เรียงตามลำดับกันไป

ถึงความจริงแล้ว กีฬากอล์ฟ ก็มิได้แตกต่างไปจากกีฬาอื่นมากนัก ในหลักการที่ว่า ผู้ชนะต้องเก่งกว่า ที่แตกต่างกันคือ สำหรับกีฬาอื่นๆ ผู็ชนะต้องเก่งกว่าคู่แข่ง แต่สำหรับกีฬากอล์ฟ เป็นการแข่งกันว่าใครจะเก่งกว่ามากกว่ากันไม่ใช่คู่แข่ง เพราะคะแนนที่นักกอล์ฟทุกคนต้องทำ เพื่อนำไปตัดสินว่าใครเก่งกว่าใคร คือคะแนนที่ว่า ใครเก่งกว่าสมามมากกว่ากัน

ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะ สนามกอล์ฟเปลี่ยนค่าตัวแปรของความยากง่ายของตนเอง ไปตลอดเวลา ลมที่พัดหรือไม่พัดผ่าน ฝนที่หรือไม่ตกลงมา แม้แต่ ตำแหน่งของดวงอาทิตย์ที่เกี่ยวข้องกับการมองของ นักกอล์ฟ เหล่านี้ ล้วนแต่ทำให้ ความยากง่ายในการเล่น เปลี่ยนแปลงไป ดังนั้น ในช่วงเวลาดังกล่าว หากนักกอล์ฟอยู่ในสถานการณ์ใด ก็จะได้รับผลกระทบต่อ การเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกัน

เรื่องนี้ มีผลต่อการเล่นเป็นอย่างยิ่ง เพราะสถานะการณ์ต่างๆ นี้เอง ที่ทำให้ การเล่นของนักกอล์ฟแต่ละคน ต้องพบกับความยากง่ายไม่เหมือนกัน แม้จะยืนเล่นอยู่ที่เดียวกัน แต่เวลาที่ต่างกันเพียง ไม่กี่นาที ที่ ความแรงของลมที่พัด แตกต่างกัน ก็จะให้เกิดผลต่อลูกกอล์ฟที่ลอยออกไป เพราะ ลมที่พัดแรง-เบาไม่เท่ากัน ก็ทำให้ การเบี่ยงเบนของลูกกอล์ฟแตกต่างกันไปด้วย 

หรือ แม้แต่ นักกอล์ฟท่านเดิม ตีลูกออกไปจากจุดเดิม แต่ในเวลาที่ต่างกัน จุดที่ลูกกอล์ฟตก ก็จะไม่ใช่ที่เดิม อาจใกล้เคียง แต่จะไม่ใช่ที่เดิม ซึ่งนี่เป็นผลจากกระแสลมแต่เพียงอย่างเดียว ซึ่งถ้ารวมอิทธิพลจากสิ่งอื่นด้วยแล้ว จะเห็นได้ว่า การเล่นกอล์ฟแต่ละครั้ง หรือ การตีลูกกอล์ฟให้ลอยออกไปแต่ละครั้ง จะเกิดผลไม่เหมือนกัน แม้จะเป็น นักกอล์ฟท่านเดียวกัน เล่นในเวลาที่ต่างกันเพียงเล็กน้อยก็ตามที

และ นี่ก็คือ ความหมายที่ผมพูดถึงมาก่อนหน้านี้ ว่า นักกอล์ฟทุกท่าน จะต้องแข่งกับตัวเอง เพื่อทำคะแนนให้ดีขึ้นกว่า คะแนนที่ดีที่สุดที่เคยทำมาได้ เท่านั้น เพราะความท้าทายของ การเล่น มิใช่อยู่ที่ความเก่งกาจของคู่แข่ง แต่อยู่ที่สถานะการณ์ที่นักกอล์ฟแต่ละท่านกำลังเล่นอยู่

แต่ถึงกระนั้น ความสามารถของ นักกอล์ฟที่ไม่เท่ากัน ก็ทำให้ เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบในการแข่งขันได้ เช่น ถ้านักกอล์ฟท่านใด เคยเล่นหรือเล่นอยู่ประจำ ในสนามกอล์ฟที่ใช้แข่งขันในคราวนั้น เขาก็จะคุ้นเคยจนถือว่าได้เปรียบคู่แข่งที่ไม่เคยหรือไม่บ่อยที่เล่นที่สนามดังกล่าว

เพื่อให้ความได้เปรียบเสียเปรียบนั้นหมดไป กีฬากอล์ฟ จึงมีการ กำหนด ค่าความสามารถในการเล่นของ นักกอล์ฟแต่ละท่าน ด้วย คะแนนส่วนตัว หรือ ที่เรียกว่า แฮนดี้แคป ซึ่งเป็นคะแนนที่ นักกอล์ฟแต่ละท่าน เคยทำได้ดีที่สุดไว้ก่อนหน้านั้น เพื่อใช้เป็น เครื่องมือสื่อกลางช่วยในการตัดสินหาผู้ชนะที่ยุติธรรมที่สุด



หลักการก็คือ

เปรียบเทียบคะแนนที่นักกอล์ฟแต่ละท่านเคย ทำได้จากการเล่นกอล์ฟที่ผ่านมา ที่ถือว่าเป็นคะแนนที่ดีที่สุด นำคะแนนนั้นไปลบด้วย ค่าคะแนนของสนาม ซึ่งถึอว่าเท่ากับ 72 ก็จะได้ แฮนดี้แคป ของนักกอล์ฟท่านนั้น เช่น ถ้า นักกอล์ฟท่านหนึ่ง ทำคะแนนได้ดีที่สุดเท่าที่เคยเล่นมาเท่ากับ 90 คะแนน ไม่ว่าคะแนนที่ได้นั้น จะเล่นที่สนามใดก็ตาม แฮนดี้แคปของนักกอล์ฟท่านั้น ก็เท่ากับ 90-72 คือ 18 ซึ่งจะใช้เป็น ตัวเลขที่จะนำไปลบออกจากคะแนนที่ทำได้ในการแข่งขัน เพื่อจะได้ คะแนนที่ทำได้จริงในวันนั้นๆ

คือ ถ้าวันแข่ง ทำได้ 92 คะแนน เมื่อหัก แฮนดี้แคปออกก็จะเหลือ 74 คะแนน ถ้าในวันนั้น ไม่มีนักกอล์ฟท่านใด ที่หักแฮนดี้แคปออกแล้ว เหลือ น้อยกว่า 74 คะแนนอีกเลย นักกอล์ฟท่านนั้นก็จะเป็นผู้ชนะการแข่งขันในคราวนั้น

ถึงแม้ว่า จะมี นักกอล์ฟท่านหนึ่ง ที่ทำคะแนนก่อนหักได้เพียง 80 แต่ถ้า แฮนดี้แคปของนักกอล์ฟที่ได้ คะแนน 80 เท่ากับ 5 ก็จะทำให้ คะแนนของนักกอล์ฟที่ได้คะแนนก่อนหัก 80 เท่ากับ 75 คะแนน ซึ่งจะสูงกว่านักกอล์ฟที่ทำได้ 90 แต่ แฮนดี้แคป 18

ด้วยหลักการนี้ จะทำให้ นักกอล์ฟที่ เล่นเก่ง และ มีค่า แฮนดี้แคปต่ำ สามารถแข่งกับ นักกอล์ฟที่มี แฮนดี้แคปสูง ได้ เพราะ ต่างก็ต้องพยายามเอาชนะ แฮนดี้แคปของตนเอง เหมือนกัน

การคิดคะแนน

ง่ายๆ ก็คือ หัวไม๊กระทบลูกหนึ่งครั้ง คิดเป็น 1 คะแนน และ ก็อาจเพิื่ม ด้วย คะแนนปรับที่เกิดขึ้น ระหว่างการเล่น และเมื่อครบ 18 หลุม คะแนนที่ได้ ก็จะ ห้กออกด้วย แฮนดี้แคป เป็นคะแนนตัดสิน
แต่ในระหว่างการเล่น จะมี คะแนนที่ถูกเพิ่มเข้าไปทั้งที่ หัวไม้ไม่ได้ กระทบลูก เรียกว่า คะแนนปรับ
ซึ่ง คะแนนปรับ เหล่านี้ จะเกิดจากการเล่นที่ ผิดกฏ หรือ กติกา และ มารยาท ทั้งที่ตั้งใจ และ ไม่ตั้งใจ ก็ตาม ซึ่ง อธิบายโดยละเอียดในเรื่องของ กฏ-กติกา-มารยาท โดยละเอียดอีกครั้งภายหลัง

เข้าเรื่อง การหัดเล่นกอล์ฟ ซะที

เนื่องจาก การตี หนึ่งครั้ง ได้ หนึ่งคะแนน และถ้าไม่เสียค่าปรับ ซึ่งส่วนใหญ่ มาจากการเล่นที่ผิดพลาด และ คะแนนน้อนที่สุด คือผู้ชนะ ดังนั้น เป้าหมายของการเล่นสำหรับนักกอล์ฟทุกคนก็คือ ตีลูกทุกครั้งต้องให้ได้ผลที่ต้องการ

ซึ่งความต้องการที่ว่านี้ อาจไม่เหมือนกัน หรือ อาจแตกต่างเป็นตรงกันข้าม

ของขยายความตรงนี้ ซักนิด การตีลูกออกไปของนักกอล์ฟ จุดประสงค์หลักก็คือ การส่งลูกให้ไปหยุดอยู่ ณ. ที่จุดใดจุดหนึง ในสนามกอล์ฟ ซึ่ง อาจเป็น
บนแฟร์เวย์ ตรงกลาง หรือ ด้านซ้าย หรือ ด้านขวา สุดแท้แต่ว่า แผนการเล่นครั้งต่อไป จะเป็นอย่างไร เช่น ถ้า เป้าหมายต่อไป อยู่โค้งไปทางซ้าย ก็จะอยากให้ ลูก อยู่ตรงกลาง หรือ เยื้องไปทางขวา แต่ถ้า หลุมนั้น มี บ่อน้ำอยู่ทางขวาของเป้าหมายต่อไป ก็จะอยากให้ ลูก อยู่บนแฟร์เวย์ ตรงกลางหรือ เยื้องไปทางซ้าย เป็นต้น
ซึ่งการที่จะตีให้ลูกไปอยู่ตรงจุดที่ต้องการ ก็อาจ ต้องตีให้ลูกลอยออกไปตรงๆ หรือ อาจต้อง ลอยโค้งไปในอากาศ พุ่งไปต่ำๆพื่อให้สามรถลอดให้ต้นไม้ที่อยู่ข้างหน้า หรือ ลอยโด่งให้ สูงเพื่อข้ามต้นไม้ และ อื่นๆ อีกมาก
ซึ่งจะเห็นได้ว่า การตีลูก ไม่ใช่ จะต้องตีลูกให้ลอยตรงไปโด่งๆ เสมอไป ลักษณะการเคลื่อนที่ของลูก จะต้องเหมาะสมกับ ความต้องการในการตีครั้งนั้นๆ ด้วย

ตรงนี้แหล่ะ ที่ถือได้ว่าเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งของการเล่นกอล์ฟ เพราะ การจะหัดตีให้ลูกลอยไปตรงๆ ก็นับว่ายากพอควร เมื่อหัดตีตรงได้แล้ว ยังจะต้องมาหัดตีลูกให้ลอยไปในลัษณะต่างๆ ได้อีก ทั้งๆ ที่ตอนหัดตีตรง ลูกก็มักจะ ไม่ค่อยไปตรงอยู่แล้ว คร้้นพอตีตรงได้ กลับต้องมาหัดตีให้ เลี้ยว เหมือนที่เคยผิดพลาดตอนหัดตีให้ตรงอีก

ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะว่า กีฬากอล์ฟ ผู้ชนะคือผู้ที่ตีลูกน้อยคร้้งที่สุด ดังนั้น แต่ละครั้งที่ตีออกไป จะต้องเป็นไปตามที่ต้องการ อาจไม่ใช่ ไกลที่สุด เพราะ ไกลที่สุดอาจเลย จุดเป้าหมายจนไปถึง จุดที่ไม่ต้องการ ซึ่งอาจจะทำให้เป็นอุปสรรคในการเล่น หรือ การตีครั้งต่อไป

ในขณะเดียวกัน ก็อาจไม่ใช่ ตรงที่สุด เพราะอย่างที่บอกไว้แต่ต้น บางครั้งอาจต้องพยายามตีให้ลูก ลอยออกไปแล้ว เลี้ยวโค้งซ้าย-ขวา แล้วตกลงกลิ้งไปหยุด ในตำแหน่งที่ต้องการ

การหัดกอล์ฟ จึงยากมาก ถ้าจะหัดให้ เล่นได้ดี
ถ้าจะเพียงหัดให้ ตี ไกลที่สุดในโลก ง่ายครับ
หรือ จะตีให้ ตรงเป็น ไม้บันทัด ดกแล้ว กลิ้งต่อตรงเป็นไม้บันทัด ก็ง่ายครับ
แต่ถ้าจะตีให้ลูกมีพฤติกรรมการ เคลื่อนที่ตามที่ต้องการแล้ว ยาก ถึง ยากมาก เลย
กว่าผมจะ ควบคุมการเคลื่อนที่ของลูกกอล์ฟที่ลอยออกไปในอากาศได้ ต้องใช้เวลาศึกษา ทั้ง ทฤษฏีการเล่นกอล์ฟ กฏของ แอโร่ไดนามิคของลูกกอล์ฟ ฟิสิกค์ของการเคลื่อนที่ และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง อยู่หลายปีทีเดียว

การหัดกอล์ฟ สำหรับผู้เริ่มต้น

คำแนะนำของผม ซึ่งเป็นคำแนะนำที่เกิดจากประสบการณ์จริงของตัวเอง ซึ่งจะแดกต่างจนเกือบจะเป็นตรงกันข้ามกับการ สอนกอล์ฟโดยทั่วไป

กล่าวคือ ตามความเห็นของผม ซื่งถือว่า กีฬาทุกชนิด ควรจะมีการหัดจากพื้นฐาน ไปสู่ ชั้นสูง และ สำหรับ กีฬากอล์ฟ หรือ การหัดกอล์ฟนี้ ผมเห็นว่า การตีลูกให้ไป ไกล และ ตรง ที่สุดนั้น คือ การตีกอล์ฟขั้นสูงสุด สำหรับนักกอล์ฟทุกคน ดังจะเห็นได้จาก นักกอล์ฟอาชีพ ทุกคนสามารถ ตีกอล์ฟให้ ไกล และ ตรง ได้ตามที่ต้องการ ในขณะที่ นักกอล์ฟ หัดใหม่ เพียงตีลูกให้ถูก ก็ยากแสนยากเป็นที่สุดแล้ว อีกทั้ง การตีให้ ไกล จะต้องมีการเคลื่อนไหวร่างกายที่รุนแรง ด้วยพละกำลังที่ ผ่านการฝึกฝนและฝึกซ้อม มาอย่างดี ซึ่งทั้งหมดนี้ ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ นักกอล์ฟหัดใหม่ ยังไม่มีทั้งสิ้น
เมื่อเป็นดังนี้ การสอนกอล์ฟที่ ให้นักกอล์ฟหัดใหม่ทุกคน เริ่มด้วยการ จับไม้ที่มั่นคง ตั้งวงให้ถูกต้องเหมือน ครู และ หวดลูกกอล์ฟออกไปด้วยความเร็วที่สุด จึงเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้เลย
ผมจึงมองกลับกัน ว่าถ้าเช่นนั้น ทำไม ไม่หัดพื้นฐาน ให้ ถูกต้อง แน่นอน และ คงที่ เสียก่อน แล้วจึงพัฒนาขึ้นเป็น ความรุนแรง และ รวดเร็ว ต่อๆไป

และที่ผม เห็นว่า พื้นฐานของการเล่นกอล์ฟให้ถูกต้อง ที่ มีความละเอียดอ่อน ต้องการสมาธิในการเล่น รวมทั้ง ความถูกต้องในการเคลื่อนไหวร่างกาย แต่ ไม่ต้องรุนแรงจนเกินความสามารถของทุกคน 

จึงไม่ใช่ การสวิง หรือ ตี หรือ หวด หรืออะไรก็ตามสุดแท้แต่ทุกคนจะเรียก การเคลื่อนไหวที่ ใชสองมือจับไม้กอล์ฟ ยกขึ้นสุดแขน แล้ว เหวี่ยงลงมา หวังให้ ถูกลูกกอล์ฟ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเพียง 1.62 นิ้ว ด้วยหัวไม้ หรือ เหล็ก ที่มีพื้นที่หน้าสัมผัส เพียง สองถึงสองเท่าครึ่งของขนาดลูกกอล์ฟ ด้วยความเร็วสูงที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ เรียกว่า สุดแรง นั่นแหล่ะ
สิ่งที่นักกอล์ฟหัดใหม่ทุกคนคิดในเวลานั้นก็คือ 
1 ขอให้ถูกลูกกอล์ฟ
2 ขอให้ลูกกอล์ฟลอยออกไปจากพื้น ไม่ใช่กลิ้งไปตามพื้น
3 ขอให้ ลูกกอล์ฟลอยไปในทิศทางทีต้องการ
4 ขอให้ ลูกกอล์ฟตกลงยังจุดที่ต้องการ

ซึ่งทั้งหมดที่ต้องขอนั้น เป็นเพราะ ความไม่มั่นใจว่า การตีครั้งนั้น จะออกผลมา ดีหรือร้าย อย่างไร นั่นเอง
ซึ่งทั้งหมดนี้ เป็นผลมากจาก การเริ่มหัด เล่นกอล์ฟ อย่างผิดวิธี

สำหรับ ผู้ที่หัดเล่นตามคำแนะนำใน บทความนี้ จะไม่ต้อง วิงวรร้องของในสิ่งต่างๆ เหล่านั้นเลย เพราะ จะเป็นจริงทุกอย่าง ยกเว้นข้อสุดท้ายเท่านั้น 
คือ นักเรียนของผม จะกำหนดจุดหยุดของลูกได้ เล็กที่สุดเพียงไดเท่าน้้น
กล่าวคือ ไม่ใช่หวังว่าจะตกลงบนกรีน แต่หวังว่า จะตกลงห่างจากหลุม กี่นิ้ว กี่ฟุต หรือ กี่หลา ซึ่งจะขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคนที่มีไม่เท่ากัน แต่จะไม่กังวลว่าจะส่งลูกกอล์ฟจากระยะ 100 หลาลงมา ไปขึ้น กรีนขนาด อย่างเล็กๆก็ 125 ตารางหลา ไม่ได้
อย่างที่บอกไป มีก็แต่ กังวลว่า ลูกจะไปหยุดอยู่ไกลจากหลุม มากกว่า 2-3 หลา หรือไม่เท่านั้น

ซึ่งทั้งหมดนี้ เริ่มมาจากการเรียนในสิ่งที่ควรเรียนรู้เป็นอันดับแรก นันก็คือ ฟิสิกค์ของการเคลื่อนที่ของวัตถุ เมื่อมีสิ่งมากระทบ ที่ผมจะอธิบายอย่างง่ายๆ ดังนี้





























ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น